ลักษณะผลิตภัณฑ์และบริการ
บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด(มหาชน) บริษัทย่อย และบริษัทร่วม (“กลุ่มบริษัท”) ประกอบธุรกิจให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์ (Logistics Service Provider) และผลิตและจำหน่ายน้ำยาฟอกเลือดผู้ป่วยโรคไตด้วยเครื่องไตเทียม และจัดจำหน่ายครุภัณฑ์ทางการแพทย์สำหรับใช้ในหน่วยไตเทียม ซึ่งได้แก่ การวางแผน การจัดการ รวมถึงการเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาให้แก่ลูกค้า เพื่อให้มั่นใจได้ว่ากระบวนการเคลื่อนย้ายสินค้าของลูกค้าจากต้นทางจะไปสู่จุดหมายปลายทางด้วยระยะเวลาที่สั้นที่สุดและด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด โดยโครงสร้างรายได้ของกลุ่มบริษัทแบ่งตามลักษณะการให้บริการสามารถสรุปตามที่ปรากฏในงบการเงินของกลุ่มบริษัทได้ดังนี้
การจัดการขนส่งระหว่างประเทศ



การขนส่งในประเทศด้วยรถบรรทุกหัวลาก-หางลาก 1)

รายได้ | 2561 | 2562 | 2563 | |||
---|---|---|---|---|---|---|
ล้านบาท | % | ล้านบาท | % | ล้านบาท | % | |
1. รายได้จากการให้บริการ | ||||||
1.1 การจัดการขนส่งระหว่างประเทศ | ||||||
1.1.1 ทางเรือ | 966.05 | 79.16 | 1,012.15 | 77.45 | 733.57 | 79.98 |
1.1.2 ทางอากาศ | 25.51 | 2.09 | 37.81 | 2.89 | 40.76 | 4.44 |
1.1.3 บริการอื่นๆ | 0.05 | 0.01 | 0.05 | 0.01 | 0.04 | 0.01 |
รวมรายได้จากบริการจัดการขนส่งระหว่างประเทศ | 991.61 | 81.26 | 1,050.01 | 80.35 | 774.37 | 84.43 |
1.2 การขนส่งในประเทศ 1) | 127.30 | 10.43 | 102.32 | 7.83 | 6.24 | 0.68 |
รวมรายได้จากการให้บริการ | 1,118.91 | 91.69 | 1,152.33 | 88.18 | 780.61 | 85.11 |
2. รายได้จากการขายน้ำยาฟอกเลือดและครุภัณฑ์2) | 84.66 | 6.94 | 117.69 | 9.01 | 103.34 | 11.27 |
รายได้อื่น 3) | 16.75 | 1.37 | 9.61 | 0.73 | 32.94 | 3.59 |
กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อย | - | - | 27.18 | 2.08 | 0.27 | 0.03 |
รายได้รวม | 1,220.32 | 100.00 | 1,306.81 | 100.00 | 917.16 | 100.00 |
หมายเหตุ 1) รายได้จากการขนส่งในประเทศด้วยรถบรรทุกหัวลาก-หางลาก ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เอส เอส เค อินเตอร์ โลจิสติกส์ จำกัด (SSK) ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2560 เนื่องจากเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ตั้งแต่วันที่ดังกล่าว จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2562 (วันที่บริษัทฯขายหุ้น SSK ให้บุคคลภายนอกทั้งจำนวน) และตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 มีรายได้จากการขนส่งในประเทศด้วยรถขนส่งขนาดเล็ก สำหรับใช้ในโครงการรับขนส่งกระจายสินค้าภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) 2) รายได้จากการขายน้ำยาฟอกเลือดและครุภัณฑ์เกิดจากบริษัท เกรซ วอเทอร์ เมด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2561 3) รายได้อื่นได้แก่ กำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน, ดอกเบี้ยรับ และรายได้ค่าเช่า เป็นต้น |
ซึ่งได้แก่ การวางแผน การจัดการ รวมถึงการเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาให้แก่ลูกค้า เพื่อให้มั่นใจได้ว่ากระบวนการเคลื่อนย้ายสินค้าของลูกค้าจากต้นทางจะไปสู่จุดหมายปลายทางด้วยระยะเวลาที่สั้นที่สุดและด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด
การให้บริการของกลุ่มบริษัทแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก คือ การให้บริการจัดการขนส่งระหว่างประเทศและการให้บริการขนส่งในประเทศ โดยแต่ละกลุ่มการให้บริการมีรายละเอียด ดังนี้
การให้บริการจัดการขนส่งระหว่างประเทศ ได้แก่ การเป็นผู้บริหารจัดการให้เกิดการเคลื่อนย้ายสินค้าจากจุดขนถ่ายสินค้าเพื่อส่งออกจากประเทศไทยไปสู่ยังจุดหมายปลายทางในประเทศต่าง ๆ กว่า 180 ประเทศซึ่งครอบคลุมทุกเส้นทางการค้าหลักทั่วโลก และการเป็นผู้บริหารจัดการการเคลื่อนย้ายสินค้าจากประเทศต่าง ๆ มาสู่จุดขนถ่ายสินค้าเข้าประเทศ ซึ่งกลุ่มบริษัทมีการให้บริการจัดการขนส่งทั้งทางทะเลและทางอากาศ โดยกลุ่มบริษัทเป็นผู้ให้บริการจัดการขนส่งประเภทที่ไม่มีเรือหรือเครื่องบินเป็นของตนเอง แต่จะจัดหาระวางเรือหรือเครื่องบินรวมทั้งตู้คอนเทนเนอร์จากผู้ประกอบการขนส่ง อันได้แก่ บริษัทเรือหรือสายการบินเพื่อให้บริการแก่ลูกค้า นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทยังได้มีการประสานงานกับพันธมิตรในประเทศต่าง ๆ เพื่อให้สามารถให้บริการเคลื่อนย้ายสินค้าจากท่าเรือหรือสนามบินในต่างประเทศไปยังจุดหมายปลายทางที่อยู่ภายในประเทศต่าง ๆ นั้นได้อีกด้วย ทั้งนี้ รายได้จากการให้บริการดังกล่าวนับเป็นรายได้หลักของกลุ่มบริษัท โดยปี 2562 และ ปี 2563 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเท่ากับ 1,050.01 ล้านบาท และ 774.37 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 80.35 และร้อยละ 84.43ของรายได้รวมในแต่ละปี ตามลำดับ
การให้บริการจัดการขนส่งระหว่างประเทศของกลุ่มบริษัทสามารถแบ่งตามวิธีการขนส่งได้ดังนี้
1. การจัดการขนส่งระหว่างประเทศทางทะเล : ปัจจุบันกลุ่มบริษัทมีการให้บริการจัดการขนส่งทางทะเลครอบคลุมทั้ง 5 ทวีป ได้แก่ ยุโรป, อเมริกา, เอเชีย, ออสเตรเลีย และแอฟริกา ซึ่งครอบคลุมท่าเรือหลักของเขตการค้าสำคัญในกลุ่มประเทศต่าง ๆ ได้อย่างครบถ้วนรวมกว่า 180 แห่ง สำหรับการขนส่งสินค้าทางทะเลสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทคือ
- การขนส่งแบบเต็มตู้คอนเทนเนอร์ (Full Container Load: FCL) เหมาะสำหรับลูกค้าที่มีปริมาณสินค้าที่มากพอที่จะเช่าตู้คอนเทนเนอร์ทั้งตู้ เพื่อบรรจุสินค้าของลูกค้านั้น ๆ เพียงรายเดียวโดยไม่จำเป็นต้องไปร่วมแบ่งใช้ตู้คอนเทนเนอร์กับลูกค้ารายอื่น ๆ โดยบริษัทจะให้บริการจัดหาตู้คอนเทนเนอร์ขนาดต่าง ๆ ที่เหมาะสม, จัดหาสายเรือตามตารางเวลาและข้อกำหนดที่ลูกค้าต้องการ, จัดการด้านเอกสารพิธีการศุลกากร รวมถึงเป็นตัวแทนในการออกสินค้าให้แก่ลูกค้า
- การขนส่งแบบไม่เต็มตู้คอนเทนเนอร์ (Less than Container Load: LCL) เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีสินค้าไม่มากพอที่จะเช่าตู้คอนเทนเนอร์เพื่อบรรจุสินค้าของตนเองเพียงรายเดียวได้ โดยกลุ่มบริษัทจะให้บริการรับสินค้าจากลูกค้าแต่ละรายมารวมกันและจัดสรรพื้นที่ในการบรรจุเข้าตู้คอนเทนเนอร์ที่จองไว้ ซึ่งกลุ่มบริษัทจะคำนวณพื้นที่และจัดวางสินค้าให้เหมาะสมกับลักษณะของสินค้าและข้อกำหนดของลูกค้าแต่ละราย เพื่อให้สินค้าของลูกค้าแต่ละรายที่มีความแตกต่างกันสามารถบรรจุลงตู้คอนเทนเนอร์เดียวกันได้อย่างปลอดภัย, ส่งได้ตามกำหนด และอยู่ภายใต้ต้นทุนที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าแต่ละราย ทั้งนี้ เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการที่อยู่ในธุรกิจให้บริการจัดการขนส่งสินค้าเช่นเดียวกับกลุ่มบริษัท จึงสามารถดำเนินการเรื่องเอกสารพิธีการศุลกากรได้เอง
- การให้บริการจัดหาตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งสินค้า (Shipper Owned Container : SOC) โดยทางกลุ่มบริษัทจะให้บริการจัดหาตู้คอนเทนเนอร์เปล่าให้กับลูกค้า เพื่อนำไปใช้ในการบรรจุสินค้าของตนเองโดยไม่ต้องรอตู้คอนเทนเนอร์จากสายเรือ และในบางสายเรือที่ไม่มีตู้คอนเทนเนอร์ไว้บริการลูกค้า กลุ่มบริษัทจะเข้าไปจัดหาตู้คอนเทนเนอร์ให้แทน เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้บริการตู้คอนเทนเนอร์ในการบรรจุสินค้า
- การให้บริการให้เช่าตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งสินค้า โดยทางกลุ่มบริษัทจะซื้อ และเช่าตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อให้ลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการให้บริการจัดการขนส่งเช่นเดียวกับกลุ่มบริษัทเช่าต่อ
2. การจัดการขนส่งระหว่างประเทศทางอากาศ : เป็นวิธีการขนส่งระหว่างประเทศที่รวดเร็ว ใช้ระยะเวลาในการเคลื่อนย้ายสินค้าไปสู่จุดหมายปลายทางที่สั้นกว่าการขนส่งทางทะเล แต่มีต้นทุนที่สูงกว่าจึงเหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าที่มีอายุในการเก็บรักษาสั้นหรือต้องการรักษาอุณหภูมิ เช่น ผักสดและผลไม้ รวมทั้งสินค้าที่ต้องการความรวดเร็วในการจัดส่งซึ่งมีน้ำหนักและปริมาณไม่มากนัก เช่น เอกสารและสิ่งตีพิมพ์ต่าง ๆ สำหรับการให้บริการแก่ลูกค้าที่ต้องการบริการขนส่งระหว่างประเทศทางอากาศนี้ กลุ่มบริษัทจะให้บริการจัดหาสายการบินตามตารางเวลาและข้อกำหนดที่ลูกค้าต้องการ, จัดการด้านเอกสารพิธีการศุลกากร รวมถึงเป็นตัวแทนในการออกสินค้าให้แก่ลูกค้า ปัจจุบันกลุ่มบริษัทสามารถให้บริการจัดการขนส่งทางอากาศรวมแล้วกว่า 180 ประเทศเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 บริษัทได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนของสายการบิน Israel airline จึงทำให้มีรายได้จากการจัดการขนส่งระหว่างประเทศทางอากาศเพิ่มขึ้น
3. บริการอื่น ๆ : บริษัทฯ มีการให้บริการด้านพิธีการศุลกากรและเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการเป็นตัวแทนในการออกสินค้าให้แก่ลูกค้า ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวต้องอาศัยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านพิธีการศุลกากรและกฎระเบียบเกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออก เพื่อให้ลูกค้าสามารถปฏิบัติตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเทศได้อย่างถูกต้องและสามารถรับหรือส่งสินค้าไปยังจุดหมายปลายทางได้ตรงตามกำหนดเวลา
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสำนักงานที่ให้บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ 2 แห่ง ได้แก่ ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ ในกรุงเทพ และสำนักงานสาขาที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ในช่วงปลายปี 2557 บริษัทฯ ได้ลงทุนในบริษัทย่อย NCL INTER LOGISTICS (S) PTE. LTD. ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ เพื่อให้บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศจากประเทศสิงค์โปร์ ไปสู่ยังจุดหมายปลายทางในภูมิภาคต่าง ๆ โดยมีเป้าหมายหลักคือ ทวีปอเมริกา ทวีปเอเชีย และทวีปยุโรป
ในช่วงต้นปี 2559 บริษัทฯ ได้ร่วมลงทุนกับ LEGEND SHIPPING PTE. LTD. ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ เพื่อจัดตั้งบริษัทย่อย คือ บริษัท เลเจนท์ ชิปปิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เพื่อให้บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและให้บริการจัดหาตู้เปล่าให้ลูกค้า ต่อมาในระหว่างปี 2561 บริษัท เลเจนท์ ชิปปิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท แอลจี คอนเทนเนอร์ ไลน์ จำกัด เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงผู้ร่วมลงทุน แต่บริษัทฯ ยังคงรักษาสัดส่วนการลงทุน และบริษัทยังคงดำเนินธุรกรรมตามปกติ จนกระทั่งต้นปี 2562 บริษัท แอลจี คอนเทนเนอร์ ไลน์ จำกัด ได้โอนหน่วยงานธุรกิจบริหารจัดการตู้คอนเทนเนอร์ไปให้ LG Container Line Pte. Ltd. ในประเทศสิงคโปร์ ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2561 ทำให้บริษัท แอลจี คอนเทนเนอร์ ไลน์ จำกัด มีธุรกิจที่เป็นตัวแทนเท่านั้น บริษัทจึงขายหุ้นในบริษัท แอลจี คอนเทนเนอร์ไลน์ จำกัดให้บุคคลภายนอกทั้งหมดเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562
ในปลายปี 2559 บริษัทฯ ได้ลงทุนในบริษัทย่อย LEGACY ASIA CAPITAL PTE. LTD. ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศสิงค์โปร์ เพื่อให้บริการให้เช่าตู้คอนเทนเนอร์ และได้จำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทดังกล่าวทั้งจำนวนในราคาทุนให้กับผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของบริษัท LEGACY ASIA CAPITAL PTE. LTD. ในช่วงกลางปี 2561
ในปลายปี 2560 บริษัทฯ ได้ร่วมลงทุนในบริษัท ซิม (ไทยแลนด์) จำกัด (บริษัทร่วม) ซึ่งดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนสายการเดินเรือประเทศอิสราเอล ขนส่งสินค้าโดยตู้คอนเทนเนอร์ทางทะเล
ในระหว่างปี 2561 บริษัทย่อย NCL INTER LOGISTICS (S) PTE. LTD. ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ได้ดำเนินการลงทุนในบริษัทย่อย ต่าง ๆ ดังนี้ NCL International Logistics USA Inc. ในประเทศสหรัฐอเมริกา, Qingdao National Container Line Company Limited และ Ningbo NCL Inter Logistics Co.,Ltd. ในประเทศจีน, LG Container Line Pte. Ltd. ในประเทศสิงคโปร์, และเข้าลงทุนใน PT. NCL Inter Logistik Indonesia และ NCL Inter Logistics Vietnam Company Limited เพื่อขยายฐานรายได้ในการให้บริการจัดการขนส่งระหว่างประเทศ จากประเทศที่ตั้งสำนักงาน ไปสู่ยังจุดหมายปลายทางในภูมิภาคต่าง ๆ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ได้ขยายวงกว้างในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้บริษัทฯต้องตัดสินใจปิดบริษัทในประเทศเวียตนาม และหยุดดำเนินกิจการบริษัทในประเทศจีนทั้งสองแห่ง และขายเงินลงทุนบริษัทในประเทศอินโดนีเซียในระหว่างปี 2563 เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าให้รายได้ลดลงอย่างมากซึ่งหากดำเนินการต่อจะทำให้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานรวมของกลุ่มบริษัทฯ
ในระหว่างปี 2562 บริษัทย่อย NCL INTER LOGISTICS (S) PTE. LTD. ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ได้ดำเนินการจัดตั้ง NCL International Logistics Private Limited ในประเทศอินเดีย เพื่อรองรับการขยายฐานรายได้ในการให้บริการจัดการขนส่งระหว่างประเทศ แต่ยยังไม่เริ่มดำเนินกิจการ
การให้บริการขนส่งในประเทศ บริษัทฯ เริ่มให้บริการขนส่งสินค้าในประเทศด้วยรถบรรทุกหัวลากและหางลากในปี 2554 เพื่อเป็นการขยายขอบเขตการให้บริการแก่ลูกค้าที่ใช้บริการจัดการขนส่งระหว่างประเทศกับบริษัทฯ อยู่แล้ว และยังเป็นการขยายการทำธุรกิจโดยอาศัยความชำนาญในด้านการบริการจัดการระบบขนส่งของบริษัทฯ เพื่อให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าที่ต้องการเคลื่อนย้ายสินค้าในประเทศทางถนนด้วยรถบรรทุกหัวลากและหางลากอีกด้วย ณ สิ้นปี 2558 บริษัทฯ มีรถบรรทุกหัวลากจำนวน 65 คัน และมีหางรถสำหรับต่อกับรถบรรทุกหัวลากเพื่อขนสินค้าจำนวน 98 หาง โดยหางลากของบริษัทมีทั้งแบบก้างปลาซึ่งออกแบบมาสำหรับใช้วางตู้คอนเทนเนอร์ และแบบพื้นเรียบที่สามารถใช้วางตู้คอนเทนเนอร์หรือวางสินค้าโดยตรงบนหางลาก การให้บริการเคลื่อนย้ายสินค้าในประเทศของบริษัทฯ นี้มีเส้นทางให้บริการจากโรงงานผู้ผลิตสินค้าไปยังจุดขนถ่ายสินค้าเพื่อเตรียมส่งออกจากประเทศ และจากจุดขนถ่ายสินค้าในการนำเข้าจากต่างประเทศมาสู่โรงงานหรือจุดหมายปลายทางต่าง ๆ ในประเทศ รวมถึงการเคลื่อนย้ายสินค้าจากต้นทางไปยังจุดหมายปลายทางต่าง ๆ ในประเทศตามที่ลูกค้าต้องการ โดยบริษัทมีจุดให้บริการรับขนส่งสินค้าในประเทศ ดังนี้
- จุดบริการหาดใหญ่ : ตั้งอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
- จุดบริการสุราษฎร์ธานี : ตั้งอยู่ที่อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการให้บริการการขนส่งทั้งระยะทางใกล้และระยะทางไกล โดยการขนส่งระยะทางใกล้จะใช้เวลาในการขนส่งไม่เกิน 1 วัน ได้แก่ การรับสินค้าจากโรงงานใน จ.สุราษฎร์ธานีเพื่อนำไปส่งยังท่าเทียบเรือหรือสถานีรถไฟในเขตจังหวัดเดียวกัน หรือนำไปส่งที่ท่าเรือในเขตภาคใต้ เช่น ท่าเรือภูเก็ต สำหรับการขนส่งระยะทางไกลจะใช้เวลาในการขนส่งเกินกว่า 1 วัน ได้แก่ การขนส่งสินค้าจากโรงงานใน จ.สุราษฎร์ธานีไปยังกรุงเทพฯ หรือจังหวัดอื่น ๆ และรับสินค้าจากจังหวัดปลายทางหรือบริเวณใกล้เคียงกลับมาส่งยังจังหวัดในเขตภาคใต้
- จุดบริการพระราม 2 : ตั้งอยู่ที่เขตพระราม 2 กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันมีการให้บริการขนส่งทั้งแบบระยะทางใกล้ ได้แก่ การนำตู้คอนเทนเนอร์เปล่าไปรับสินค้าที่โรงงานในเขตแหลมฉบัง และนำสินค้าจากโรงงานมาส่งที่ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือคลองเตย และแบบระยะทางไกลโดยการนำตู้คอนเทนเนอร์เปล่าไปรับสินค้าในจังหวัดแถบภาคกลางและภาคตะวันออกแล้วนำสินค้ากลับมาส่งที่ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือคลองเตย
ในช่วงต้นปี 2559 บริษัท ฯ ตัดสินใจแยกธุรกิจขนส่งภายในประเทศ โดยร่วมจัดตั้งกิจการร่วมค้ากับบุคคลภายนอกซึ่งมีศักยภาพสูง และมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจขนส่งเป็นอย่างดี เนื่องจากมีประสบการณ์ยาวนาน และสามารถขยายฐานลูกค้ารายใหญ่ ๆ ให้แก่บริษัทฯ ได้ บริษัทที่จัดตั้งใหม่ชื่อ บริษัท เอส เอส เค อินเตอร์ โลจิสติกส์ จำกัด (“บริษัทร่วม” หรือ “SSK”) โดยบริษัทฯ ใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ และโอนทรัพย์สินคือ รถบรรทุกหัวลากและหางพ่วง ทั้งหมดเป็นเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าดังกล่าวเพื่อลดภาระด้านค่าใช้จ่ายทั้งด้านต้นทุน และค่าเสื่อมราคาของบริษัทฯ และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน ส่งเสริมให้บริษัท ฯ มีผลตอบแทนเติบโต มั่นคง และต่อเนื่องในอนาคต และเพิ่มจุดให้บริการขนส่งเพิ่มอีก 1 แห่งคือ
- จุดบริการสระบุรี : ตั้งอยู่ที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่เป็นวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง ปัจจุบันมีการให้บริการขนส่งทั้งแบบระยะทางใกล้และระยะทางไกล
การดำเนินกิจการขนส่งภายใต้การร่วมทุน ดำเนินงานมาระยะเวลาหนึ่งปรากฏว่า สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเป็นผลทำให้ยอดขายงานปูน หรือการใช้รถปูน ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายตัดสินใจขายรถปูนเพื่อลดผลขาดทุนี่จะเกิดขึ้นต่อไปและยกเลิกการร่วมทุนดังกล่าวในเดือนสิงหาคม 2560 โดย
- ขายสินทรัพย์ส่วนหัวลาก – หางพ่วง สำหรับขนปูน จำนวน หัวลากจำนวน 48 หัว หางพ่วงจำนวน 55 หาง ให้ผู้ร่วมทุนอีกฝ่าย ในราคาตามบัญชี ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ SSK เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบราคาตามบัญชีแล้วมีมูลค่าสูงกว่าราคาตลาด (อ้างอิงราคาตลาดรถปูนมือสอง โดยเปรียบเทียบประเภทและอายุที่ใกล้เคียงกัน ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2560)
- คืนทุนโดยการลดทุนให้ผู้ร่วมทุนอีกฝ่าย จำนวน 12,125,720 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท (เป็นราคา par ที่กำหนดไว้ตั้งแต่เริ่มต้น) รวมเป็นเงิน 121,257,200.00 บาทพร้อมทั้งรับผลขาดทุนสะสมของเงินลงทุนดังกล่าว ตั้งแต่เริ่มกิจการ จนถึง 31 พฤษภาคม 2560 ตามสัดส่วนการลงทุน เป็นจำนวน 17,430,400.84 บาท โดยคิดจากมูลค่าตามสัดส่วนของผู้ถือหุ้นคงเหลือ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2560
วัตถุประสงค์การลดทุนครั้งนี้ เพื่อปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ SSK โดยก่อนการลดทุน SSK บริหารตามข้อกำหนดตามสัดส่วนการร่วมทุนโดยทั้ง 2 ฝ่าย ต้องร่วมกันบริหาร และมีอำนาจเท่า ๆ กัน และหลังจากการลดทุน NCL จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และบริหารเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งจะส่งผลให้การทำงานและการบริหารคล่องตัวมากขึ้น และเพื่อลดภาระต้นทุนค่าเสื่อมราคารถปูนประมาณ 0.78 ล้านบาทต่อเดือนและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการบริหารงานประมาณ 2 ล้านบาท ต่อเดือน โดยภายหลังการลดทุนไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ SSK เนื่องจากทรัพย์สินที่เหลือของบริษัท ฯ เป็นหัวลาก – หางพ่วง ที่บริษัท มีประสบการณ์และความชำนาญ และมีผู้บริหารที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในด้านการขนส่งโดย หัวลาก – หางพ่วงมากว่า 20 ปี ซึ่งฝ่ายบริหารมีนโยบายขยายฐานลูกค้าที่มีความต้องการการขนส่งผลิตผลทางการเกษตรและอุปโภคบริโภคเพิ่มมากขึ้น และเล็งเห็นว่ามีการปรับตัวที่ดีขึ้น ซึ่งในปี 2562 มีการปรับตัวที่ดีขึ้นแต่ยังไม่เป็นที่พอใจของฝ่ายบริหาร จึงได้มีการอนุมัติให้ขายหุ้นสามัญทั้งหมดในบริษัท SSK ให้บุคคลภายนอกในราคาทุน เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เนื่องจาก SSK มีผลการดำเนินงานที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา และลดความเสี่ยงจากภาระที่อาจจะต้องสนับสนุนทางการเงินโดยการเพิ่มทุนในอนาคต ซึ่งมีผลให้ SSK สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562
ทั้งนี้ภายหลังจากการขายหุ้น SSK บริษัทฯ ยังคงให้บริการขนส่งสินค้าโดยตู้คอนเทนเนอร์ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทฯ โดยมีจุดการให้บริการที่แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี
การขนส่งในประเทศของกลุ่มบริษัทฯ นอกจากจะมีการขนส่งโดยรถหัวลากและหางพ่วงแล้ว ในปี 2560 บริษัทฯ ได้เริ่มลงทุนในกิจการขนส่งโดยรถกระบะพิกอัป เพื่อใช้รับขนส่งกระจายสินค้าต่าง ๆ เพื่อเป็นการขยายขอบเขตการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าที่ต้องการเคลื่อนย้ายสินค้าในประเทศทางถนนด้วยรถกระบะพิกอัป โดยอาศัยความชำนาญด้านการบริการจัดการระบบการขนส่งสินค้า ของบริษัท ฯ และสามารถสนับสนุนการขยายธุรกิจทางด้านการขนส่งสินค้าของบริษัทฯให้เติบโตได้ โดย ปัจจุบันมีการให้บริการขนส่งทั้งระยะใกล้และระยะไกล
สรุปทางเลือกของผู้ประกอบการกรณีดำเนินการด้วยตนเอง และกรณีใช้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์ของ NCL
2. ผลิตและจำหน่ายน้ำยาฟอกเลือดผู้ป่วยโรคไตด้วยเครื่องไตเทียมและจัดจำหน่ายคุรุภัณฑ์ทางการแพทย์สำหรับใช้ในหน่วยไตเทียม
การผลิตและจำหน่ายน้ำยาฟอกเลือดผู้ป่วยโรคไตด้วยเครื่องไตเทียม และและจัดจำหน่ายครุภัณฑ์ทางการแพทย์สำหรับใช้ในหน่วยไตเทียม ของกลุ่มบริษัทฯ อยู่ภายในการดำเนินงานของบริษัท เกรซ วอเทอร์ เมด จำกัด (“GWM”) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2559 โดยบริษัท ฯ ลงทุนใน GWM สัดส่วนร้อยละ 44.44 ซึ่งมีสถานะเป็นบริษัทร่วม ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2561 บริษัทฯ ได้ซื้อหุ้นใน GWM เพิ่มจากผู้ถือหุ้นรายหนึ่งทำให้บริษัทฯ มีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็นร้อยละ 52.80 โดยมีผลทำให้ GWM เปลี่ยนจากบริษัทร่วม เป็นบริษัทย่อย ตั้งแต่วันดังกล่าวผลการดำเนินงานในปี 2562 และ 2563 บริษัทมีรายได้จากการผลิตและจำหน่ายน้ำยาล้างไตซึ่งรวมในงบการเงินรวมของบริษัท เท่ากับ 117.69 ล้านบาท และ 103.34ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 9.01 และร้อยละ 11.27 ของรายได้รวมแต่ละปี
การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (hemodialysis) เป็นการบำบัดทดแทนไตที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย ข้อมูลการลงทะเบียนบำบัดทดแทนไตในประเทศไทย (Thailand Renal Replacement Therapy Registry, TRT) ในปี พ.ศ. 2553 พบว่า มีผู้ป่วยที่รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (prevalence case) อยู่ประมาณ 30,835 ราย หรือคิดเป็น 482.6 รายต่อล้านประชากร และมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่ม ขึ้นแต่ละปี (incidence case) ประมาณ 6,244 ราย หรือ 97.73 รายต่อล้านประชากร เนื่องจากผู้ป่วยโรคไตมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี การขยายตัวของศูนย์ไตเทียมจึงเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้มีความต้องการใช้น้ำยาสำหรับฟอกเลือดมากขึ้น ทางบริษัทเล็งเห็นถึงความต้องการการใช้น้ำยาฟอกเลือดและการขยายตัวของศูนย์ไตเทียมที่เพิ่มขึ้น จึงลงทุนร่วมกับผู้ที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี ในด้านเทคนิคของเครื่องไตเทียม การผลิตน้ำยาฟอกเลือด และระบบน้ำบริสุทธิ์ที่ใช้ในหน่วยไตเทียมและโรงงานผลิตน้ำยาฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เพื่อเปิดกิจการโรงงานผลิตน้ำยาสำหรับผู้ป่วยที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และได้นำเครื่องจักรที่ทันสมัยที่เป็นระบบอัตโนมัติในการผลิตและใช้ระบบ Programmable Logic Controller (PLC) มาใช้ควบคุมขบวนการผลิตทั้งหมดเพื่อให้ผลิตภัณฑ์เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย และให้เป็นไปตามนโยบายคุณภาพของบริษัท โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือ โรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน รวมถึงศูนย์ไตเทียมเอกชนทั่วไป โรงงานตั้งอยู่ที่เลขที่ 13/7 หมู่ที่ 8 ถนนบางม่วง-บางคูลัด ตำบลบางม่วง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี 11140 ซึ่งได้รับมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรม, มาตรฐานการผลิตน้ำยาฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ISO 9001:2015, ISO 13485:2012, มาตรฐานการผลิตเครื่องมือแพทย์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตเครื่องมือแพทย์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พ.ศ 2548 (GMP) และ Common Submission Dossier Template (CSDT) ทั้งนี้บริษัท มีปริมาณการผลิตปกติอยู่ที่ประมาณ 100,000 แกลลอนต่อเดือน